ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) ความหมายของระบบเครือข่าย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน โดยอาศัยช่องทางการสื่อสารข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และการใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน (Shared Resource) ในเครือข่ายนั้น ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ องค์ประกอบของระบบเครือข่าย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ในเครือข่าย (Network Operation System) 1. คอมพิวเตอร์แม่ข่าย คอมพิวเตอร์แม่ข่าย หมายถึงคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทรัพยากร (Resources) ต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ หน่วยความจำสำรอง ฐานข้อมูล และ โปรแกรมต่าง ๆ เป็นต้น ในระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) มักเรียกว่าคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ในระบบเครือข่ายระยะไกล ที่ใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หรือ มินิคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางของเครือข่าย เรานิยมเรียกว่า Host Computer และเรียกเครื่องที่รอรับบริการว่าลูกข่ายหรือสถานีงาน 2. ช่องทางการสื่อสาร ช่องทางการสื่อสาร หมายถึง สื่อกลางหรือเส้นทางที่ใช้เป็นทางผ่าน ในการรับส่งข้อมูล ระหว่างผู้รับ (Receiver) และผู้ส่งข้อมูล (Transmitter) ปัจจุบันมีช่องทางการสื่อสาร สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย คอมพิวเตอร์มีหลายประเภทคือ สายโทรศัพท์แบบสายคู่ตีเกลียวไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP) สายคู่ตีเกลียว แบบมีฉนวนหุ้ม (STP) สายโคแอคเชียล สายใยแก้วนำแสง คลื่นไมโครเวป และดาวเทียม เป็นต้น ช่องทางการสื่อสารโดยใช้จานรับดาวเทียม 3. สถานีงาน สถานีงาน (Workstation or Terminal) หมายถึง อุปกรณ์หรือเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อ กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหรือสถานีงาน ที่ได้รับการบริการจากเครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่าย เรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Workstation) ในระบบเครือข่ายระยะใกล้ มักมีหน่วยประมวลผล หรือซีพียูของตนเอง ในระบบที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เป็นศูนย์กลาง เรียกสถานีปลายทางว่าเทอร์มินอล (Terminal) ประกอบด้วยจอภาพและแป้นพิมพ์เท่านั้น ไม่มีหน่วยประมวลกลางของตัวเอง ต้องใช้หน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางหรือ Host 4. อุปกรณ์ในเครือข่าย - การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card :NIC) หมายถึง แผงวงจรสำหรับ ใช้ในการเชื่อมต่อสายสัญญาณของเครือข่าย ติดตั้งไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องแม่ข่าย และเครื่องที่เป็นลูกข่าย หน้าที่ของการ์ดนี้คือแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ส่งผ่านไปตามสายสัญญาณ ทำให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้ การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย - โมเด็ม ( Modem : Modulator Demodulator) หมายถึง อุปกรณ์สำหรับการแปลงสัญญาณดิจิตอล (Digital) จากคอมพิวเตอร์ด้านผู้ส่ง เพื่อส่งไปตามสายสัญญาณข้อมูลแบบอนาลอก(Analog) เมื่อถึงคอมพิวเตอร์ด้านผู้รับ โมเด็มก็จะทำหน้าที่แปลงสัญญาณอนาลอก ให้เป็นดิจิตอลนำเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการประมวลผล โดยปกติจะใช้โมเด็มกับระบบเครือข่ายระยะไกล โดยการใชสายโทรศัพท์เป็นสื่อกลาง เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
การใช้โมเด็มในการติดต่อเครือข่ายระยะไกล - ฮับ ( Hub) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ใช้เป็นจุดรวม และ แยกสายสัญญาณ เพื่อให้เกิดความสะดวก ในการเชื่อมต่อของเครือข่ายแบบดาว (Star) โดยปกติใช้เป็นจุดรวมการเชื่อมต่อสายสัญญาณระหว่าง File Server กับ Workstation ต่าง ๆ ฮับที่ใช้เป็นจุดเชื่อมต่อและจุดแยกของสาย 5. ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ จัดการระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่จัดการด้านการรักษาความปลอดภัย ของระบบเครือข่าย และยังมีหน้าที่ควบคุม การนำโปรแกรมประยุกต์ ด้านการติดต่อสื่อสาร มาทำงานในระบบเครือข่ายอีกด้วย นับว่าซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย มีความสำคัญต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างยิ่ง ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ ระบบปฏิบัติการ Windows NT , Linux , Novell Netware , Windows XP ,Windows 2000 , Solaris , Unix เป็นต้น
วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
การใช้ วินโว 7
ในที่สุดการรอคอยก็ใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว สำหรับ Windows 7 ที่หมายว่าจะสร้างความนิยมให้กับผู้ใช้ได้ หลังจากที่เราผิดหวังจาก Windows Vista กันมาแล้ว ซึ่ง Windows 7 นั้น นอกจากมีความสวยงามน่าใช้ไม่แตกต่างไปจาก Vista แล้ว ยังใช้งานได้ดี ไม่แพ้กับ Windows XP เลย เรียกว่าหากได้ใช้ Windows 7 แล้ว คุณจะไม่อยากกลับไปใช้ Windows XP อีกเลย
ดูจากรูปเราจะเห็นว่า Windows 7 แม้จะพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows Vista แต่หน้าตาก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร แม้จะใช้งานได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องปรับตัวกันนิดหน่อยเพื่อให้สามารถใช้งาน Windows 7 ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนประกอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือส่วนของทาสก์บาร์ ที่ปรับปรุงให้เรียกใช้โปรแกรมได้ง่ายขึ้น มีการตัดทอนบางฟังก์ชั่นออกไป เช่น Quick Launch
ส่วนของซิสเท็มบาร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ไม่ให้แสดงผลเกะกะบนหน้าจอ รวมทั้งแถบของ Gadget ที่หายไป โดยเราสามารถเรียก Gadget ขึ้นมา และวางไว้ตรงไหนก็ได้ของหน้าจอ โดยไม่กินพื้นที่เหมือนกับ Gadget Bar ในWindows Vista อีก แน่นอนว่าเมื่อเวอร์ชันใหม่ออกมา ก็ต้องมีความสามารถใหม่ๆ ตามมาด้วย และนี่คือทิปที่จะช่วยให้คุณใช้งาน Windows? 7 ได้ง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมกับสามารถปรับแต่งหน้าตาอินเทอร์เฟสต่างๆ ได้ตามต้องการ
-?? ?Win + ลูกศรขึ้น และ Win+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอ และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
-?? ?Win + ลูกศรซ้าย และ Win + ลูกศรขวา เป็นการกำหนดตำแหน่งของการแสดงผลอยู่ทางครึ่งของหน้าจอทางซ้ายมือหรือว่าขวามือ
-?? ?Win + Shift +ลูกศรขึ้น และ Win+Shift+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอทางด้านแนวตั้ง และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
แต่หากว่าคุณต้องการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่น เพื่อออกไปทางโปรเจ็คเตอร์ คงไม่อยากให้การแสดงผลบนหน้าจอถูกขัดจังหวะด้วยสกรีนเซฟเวอร์ หรือว่าข้อความทาง IM ที่ส่งมาให้คุณ เราสามารถใช้ปุ่ม Win+X เพื่อกำหนดการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่นได้ เท่านี้เวลาข้อความทาง IM ส่งเข้ามาหรือว่าสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน ก็จะไม่มีผลต่อการแสดงผลบนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์อีก
เรียกใช้งานเมนูบาร์บน Explorer
ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษที่ไมโครซอฟท์เห็นว่ามันอาจจะเกะกะ ก็เลยซ่อนเมนูบาร์ใน Explorer เอาไว้ซะ ทำให้การปรับแต่งการทำงานต่างๆนั้นอาจจะไม่สะดวก แต่เราสามารถเรียกเมนูบาร์ออกมาได้ง่ายๆ โดยกดปุ่ม alt หนึ่งครั้งก็จะเป็นการแสดงผลเมนูบาร์ขึ้นมา และเมนูบาร์นี้จะถูกซ่อนเอาไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อเราไม่ได้ใช้งาน
ดูจากรูปเราจะเห็นว่า Windows 7 แม้จะพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows Vista แต่หน้าตาก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร แม้จะใช้งานได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องปรับตัวกันนิดหน่อยเพื่อให้สามารถใช้งาน Windows 7 ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนประกอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือส่วนของทาสก์บาร์ ที่ปรับปรุงให้เรียกใช้โปรแกรมได้ง่ายขึ้น มีการตัดทอนบางฟังก์ชั่นออกไป เช่น Quick Launch
ส่วนของซิสเท็มบาร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ไม่ให้แสดงผลเกะกะบนหน้าจอ รวมทั้งแถบของ Gadget ที่หายไป โดยเราสามารถเรียก Gadget ขึ้นมา และวางไว้ตรงไหนก็ได้ของหน้าจอ โดยไม่กินพื้นที่เหมือนกับ Gadget Bar ในWindows Vista อีก แน่นอนว่าเมื่อเวอร์ชันใหม่ออกมา ก็ต้องมีความสามารถใหม่ๆ ตามมาด้วย และนี่คือทิปที่จะช่วยให้คุณใช้งาน Windows? 7 ได้ง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมกับสามารถปรับแต่งหน้าตาอินเทอร์เฟสต่างๆ ได้ตามต้องการ
สร้างแผ่นสำหรับแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์
คงบอกว่าหากวันใดวันหนึ่ง Windows ของคุณเกิดปัญหาขึ้น จะทำให้คุณต้องยุ่งยากขนาดไหน ดังนั้นเราควรที่จะสร้างหนทางสำหรับที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น โดยการสร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน โดยหลังจากที่ติดตั้ง Windows เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ให้เราเตรียมแผ่นดิสก์เปล่าๆเอาไว้ก่อน จากนั้นคลิกที่ Start > Maintenance > Create a System Repair Disc และใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป และให้ Windows 7 สร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน ทีนี้ หาก Windows มีปัญหาในการทำงานเกิดขึ้น เราก็สามารถใช้แผ่นดิสก์นี้บู๊ต เพื่อแก้ไขปัญหาเขียนแผ่นซีดีและวิดีโอจาก ISO ไฟล์ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเบิร์น
คุณสมบัติอย่างหนึ่งของ Windows 7 ก็คือเราสามารถสร้างเบิร์นแผ่นดีวีดีหรือซีดีได้ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเขียนแผ่นดิสก์ลงไปก่อน ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้น หากว่ามีแผ่นโปรแกรมในรูปแบบของไฟล์ ISO อยู่ในเครื่องอยู่แล้ว ก็สามารถคลิกที่ไฟล์ ISO นั้นแล้วเลือกไดรว์ที่จะเขียน พร้อมกับใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป เท่านี้ Windows ก็จะพร้อมที่จะสร้างแผ่นดิสก์จาก ISO ไฟล์ได้เลยแก้ไขปัญหาใน Windows 7 ให้รวดเร็ว
เวลาเกิดปัญหากับการใช้งาน Windows คงไม่ต้องบอกว่ามันยุ่งยากขนาดไหน เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากอะไรและจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆนั้นอย่างไรได้บ้าง แต่สำหรับ Windows 7 แล้ว มีเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถค้นหาปัญหา และแก้ไขได้ด้วยตัวเองก่อนที่จะต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญต่อไป โดยเราสามารถเข้าถึงการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ได้จากการเลือกที่ Control Panel > Troubleshoot Problems ซึ่งจะมีวิซาร์ด ช่วยในการค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้น และวิธีการแก้ไข รวมทั้งยังเป็นการเช็คอัพระบบ และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับการทำงานของคุณได้ซ่อนไอคอนของ Windows Live Messenger
ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ต้องใช้ Windows Live Messenger เป็นประจำบน Windows 7 คุณจะพบว่าเมื่อเปิด Windows Live Messenger มันจะแสดงการทำงานค้างไว้บนทาสก์บาร์ให้เกะกะ ซึ่งหากคุณไม่ชอบใจ ก็สามารถซ่อนการทำงานของ Windows Live Messenger เอาไว้ได้ โดยก่อนอื่นต้องคลิกขวา เลือกที่ไอคอนของ Windows Live Messenger จากนั้นเลือกที่ Properties แล้ว กำหนดให้แอพพลิเคชั่น ทำงานในโหมดของ Windows Vista Compatibility จากนั้นก็เปิดการทำงานของ Windows Live ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้โปรแกรม Messenger จะถูกซ่อนการทำงานเอาไว้ ไม่โผล่มาให้เกะกะบนทาสก์บาร์อีกเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้กับเดสก์ท็อป
ใน Windows 7 เราจะพบว่าทาสก์บาร์นั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก ซึ่งอาจจะกินพื้นที่บางส่วนของเดสก์ท็อปไปอย่างมาก รวมทั้งไอคอนต่างๆ ทำให้พื้นที่สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ นั้น วางได้ไม่เยอะ ซึ่งเราสามารถที่จะปรับขนาดของไอคอนบนเดสก์ท็อปให้เล็กลงได้ โดยคลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Properties > Taskbar > Use small icons เพื่อที่จะให้ไอคอนบนทาสก์บาร์เล็กลง และเราก็จะได้พื้นที่ใช้งานบนเดสก์ท็อปนั้นเพิ่มขึ้นเพิ่ม Quick Launch ให้กับทาสก์บาร์
ด้วยการมี Launch ที่สามารถเรียกโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมาให้แล้ว ทำให้ Quick Launch เดิมที่มาพร้อมกับ Windows ก่อนหน้านี้ ถูกตัดออกไป แต่เราก็สามารถเปิดการทำงานของ Quick Launch ขึ้นมาได้ โดยให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Toolbars/ New Tools Bar ก็จะปรากฏหน้าต่าง Folder Selection dialog ขึ้นมา ให้พิมพ์ข้อความตามนี้ลงไป %userprofile%\AppData\Roaming\Microsoft\Internet Explorer\Quick Launch แล้วคลิกที่ OK ก็จะมีแถบของ Quick Launch ปรากฏขึ้นที่ทาสก์บาร์ แต่ตอนนี้ Quick Launch จะดูเหมือนว่าไม่ปรากฏออกมาเพราะมีแถบข้อความ และคำอธิบายเต็มไปหมด ให้คลิกขวาที่ Quick Launch แล้วเอาเช็คบ็อกซ์ตรง lock the taskbar ออก แล้วคลิกขวาอีกครั้งที่ Quick Launch และให้นำเช็คสบ็อกซ์ หน้าข้อความ show Text และ Show Titles ออกไป ที่นี้เราก็สามารถลากไอคอนชอร์ตคัทของโปรแกรมต่างๆ ที่ต้องการ นำมาวางไว้ตรง Quick Launch นี้ได้ และเมื่อเป็นที่พอใจแล้ว ก็ให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ พร้อมกับล็อคทาสก์บาร์เอาไว้ให้เรียบร้อยเปลี่ยนการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์
ปกติหน้าที่ของเพาเวอร์สวิทช์ ก็คือการเปิดเครื่อง แต่ขณะที่คอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ล่ะ จะให้มันทำหน้าที่เป็นอะไร ในWindows 7 เราสามารถกำหนดการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์ได้ โดยคลิกขวาที่ไอคอน Windows มุมล่างซ้าย แล้วเลือกที่ properties จากนั้น คลิกที่แท็บ Start Menu แล้วตรง power button action ก็กำหนดหน้าที่ที่ต้องการให้กับปุ่มเพาเวอร์ได้ ทั้งการชัตดาวน์ รีสตาร์ท หรือล็อคเครื่องก็ได้เช่นกันควบคุมการทำงานบน Windows ด้วยปุ่ม Windows คีย์
หากคุณต้องการปรับการแสดงผลขณะทำงานบน Windows 7 เพื่อให้สะดวกขึ้น เราสามารถใช้ปุ่ม windows คีย์ เพื่อเป็นคีย์ลัดในการจัดการการแสดงผลของหน้าต่างบน Windows ได้ ไม่ว่าจะเป็นการย่อขยาย จัดการแสดงผลให้เต็มหน้าจอ หรือย่อทั้งหมดลงมา หรือเรียกการทำงานของหน้าต่างที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น ซึ่งคีย์ลัดนี้ เราสามารถทำงานกับ Windows ได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยสามารถแบ่งการทำงานที่ต้องใช้ร่วมกับปุ่ม Windows คีย์ได้ดังนี้- ปรับขนาดของหน้าต่างให้ตรงกับความต้องการ
-?? ?Win + ลูกศรขึ้น และ Win+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอ และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
-?? ?Win + ลูกศรซ้าย และ Win + ลูกศรขวา เป็นการกำหนดตำแหน่งของการแสดงผลอยู่ทางครึ่งของหน้าจอทางซ้ายมือหรือว่าขวามือ
-?? ?Win + Shift +ลูกศรขึ้น และ Win+Shift+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอทางด้านแนวตั้ง และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
แสดงผลออกโปรเจ็คเตอร์
แต่หากว่าคุณต้องการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่น เพื่อออกไปทางโปรเจ็คเตอร์ คงไม่อยากให้การแสดงผลบนหน้าจอถูกขัดจังหวะด้วยสกรีนเซฟเวอร์ หรือว่าข้อความทาง IM ที่ส่งมาให้คุณ เราสามารถใช้ปุ่ม Win+X เพื่อกำหนดการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่นได้ เท่านี้เวลาข้อความทาง IM ส่งเข้ามาหรือว่าสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน ก็จะไม่มีผลต่อการแสดงผลบนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์อีก
ย่อหน้าต่างให้เลือกเฉพาะที่ใช้งานปัจจุบัน
ทำงานแบบหลายมอนิเตอร์พร้อมๆ กัน
เรียกใช้โปรแกรมบนทาสก์บาร์ด้วยคีย์ลัด
มองทะลุเดสก์ทอป
ท่องไปตามทาสก์บาร์
ขยายการมองเห็นให้กับ Windows
เรียกใช้งาน Gadget ได้อย่างรวดเร็ว
ทำงานง่ายขึ้นด้วย ALT คีย์
ใน Windows 7 สามารถใช้งานคีย์ลัด เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียกใช้งาน Windows ได้อย่างมาก และ ALT ก็คือคีย์อเนกประสงค์อีกคีย์หนึ่ง ที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ทำงานร่วมกับ Windows ได้สะดวกขึ้นเรียกใช้งานเมนูบาร์บน Explorer
ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษที่ไมโครซอฟท์เห็นว่ามันอาจจะเกะกะ ก็เลยซ่อนเมนูบาร์ใน Explorer เอาไว้ซะ ทำให้การปรับแต่งการทำงานต่างๆนั้นอาจจะไม่สะดวก แต่เราสามารถเรียกเมนูบาร์ออกมาได้ง่ายๆ โดยกดปุ่ม alt หนึ่งครั้งก็จะเป็นการแสดงผลเมนูบาร์ขึ้นมา และเมนูบาร์นี้จะถูกซ่อนเอาไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อเราไม่ได้ใช้งาน
เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน Explorer
ใน Explorer ตัวล่าสุดของ Windows 7 เราสามารถใช้คีย์ลัด ALT ร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ใช้งาน Explorer ได้ง่ายขึ้น เช่น- ALT+UP เป็นการกระโดดไปยังโฟลเดอร์แรกสุดคือ Desktop โดยอัตโนมัติ หรือย้อนกลับไปโฟลเดอร์รูท หากว่าเราทำงานอยู่ในโฟลเดอร์ย่อยๆ ของโฟลเดอร์รูทนั้น
- ALT + Right คือการไล่สเต็ปไปยังโฟลเดอร์ ที่เปิดขึ้นมาล่าสุด
- ALT + LEFT คือการย้อนกลับไปทำงานยังโฟลเดอร์ก่อนหน้าโฟลเดอร์ปัจจุบัน
- ALT +D เป็นการทำงานกับแอดเดรสบาร์ของพาธ การทำงานปัจจุบัน
- F4 เป็นการเรียกใช้งาน drop down menu ของแอดเดรสบาร์
- ALT+ENTER เป็นการเรียก Properties ของไฟล์ที่เคอร์เซอร์กำลังถูกเลือกอยู่ในขณะนั้น
- CTRL+mousewheel เป็นการเปลี่ยนขนาดของไอคอนใน explorer
- F11 เป็นการเปลี่ยนโหมดของ explorerให้ทำงานในโหมด Full Screen
เรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นในโหมดของ Windows Compatibility เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมเก่าได้
ปัญหาใหญ่ๆของการใช้งาน Windows 7 ก็คือการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นเดิมๆ ที่เคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือว่า Vista ซึ่งหากเราเรียกใช้งานตรงๆ อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ Windows 7 จึงมีโหมดการทำงาน Windows Compatibility เพื่อให้นำแอพพลิเคชั่นเดิมๆที่สามารถเคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือ Vista ให้ใช้งานได้บน Windows 7 โดยการคลิกขวาที่ไอคอนของแอพพลิเคชั่นนั้นๆ จากนั้นเลือกที่ Properties แล้วไปยังแท็บ compatibility mode และเลือก Run this program in compatibility mode for ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าให้แอพพลิเคชั่นตัวนั้น ทำงานในโหมดของ Windows เวอร์ชั่นไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น Windows XP หรือว่า Windows 95 ก็ยังไหว โดยในโหมด compatibility แนะนำว่าควรที่จะเลือก disable visual themes และ desktop composition เอาไว้ด้วย และหากว่าแอพพลิเคชั่นนั้นเป็นวิดีโอเกม ก็ควรที่จะเลือก Run this program as an administrator เอาไว้ด้วย เพื่อที่ Windows 7 จะไม่ตั้งคำถามสำหรับคุณอีกใช้งาน Sticky Notes เพื่อเตือนความจำ
แอพพลิเคชั่นหลายๆ ตัวได้ถูกเติมเต็มเข้ามาใน Windows 7 นี้ เพื่อให้การทำงานของผู้ใช้นั้นง่ายขึ้น โดยไม่ต้องไปหาโปรแกรมอื่นๆมาติดตั้งให้ยุ่งยากอีก เช่น Sticky Notes หรือ กระดาษเตือนความจำ ซึ่งให้เราสามารถโน้ตข้อความต่างๆ วางไว้บนเดสก์ท็อปได้สะดวก โดยเราสามารถเรียกใช้งาน Sticky Notes จากการพิมพ์ notes ที่ช่อง Search ก็จะเป็นการหาแอพพลิเคชั่น Sticky Note ให้เราเองโดยอัตโนมัติ และเราสามารถเปลี่ยนสีของกระดาษโน้ตได้ โดยการคลิกขวาที่ Sticky Note แล้วเลือกสีกระดาษโน้ตตามต้องการ? และหากต้องการเพิ่มกระดาษโน้ตก็สามารถคลิกที่เครื่องหมาย + บนกระดาษโน้ต และเมื่อต้องการปิดการใช้งาน Sticky Note ก็ให้กด Alt+F4 ก็จะเป็นการปิดการทำงานลง แต่จะเก็บข้อความทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งเมื่อเปิดการทำงานขึ้นมาอีก ข้อความเดิมที่มีอยู่ก็จะปรากฏขึ้นมาเหมือนเดิมการสร้างโฟลเดอร์ใหม่
การสร้างโฟลเดอร์ใหม่
1. คลิกเมาส์ขวาที่พื้นที่ว่างบนเดสก์ทอป
2. เลื่อนเมาส์ไปที่ New
3. คลิก Folder จะเห็นโฟลเดอร์ใหม่พร้อมชื่อโฟลเดอร์ที่ตั้งมาให้ (New Folder)
4. พิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ใหม่
5. กดปุ่ม Enter
2. กดปุ่ม F2 (หรือคลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการ เลือกคำสั่ง Rename จากนั้นพิมพ์ชื่อใหม่ที่ต้องการ)
3. พิมพ์ชื่อไหล์ หรือโฟลเดอร์ใหม่
2. กดปุ่ม Delete
3. กดปุ่ม Yes เพื่อยื่นยันการลบไฟล์
2. เลือนเมาส์ไปที่ Arrange Icons
3. คลิกเลือกวิธีการจัดเรียงไอคอน
by Name - เรียงตามชื่อ
by Type - ชนิดของไฟล์
by Size - ขนาดของไฟล์
by Date - วันที่จัดเก็บไฟล์
Auto Arrange - จัดเรียงแบบอัตโนมิติ
1. คลิกเมาส์ขวาที่พื้นที่ว่างบนเดสก์ทอป
2. เลื่อนเมาส์ไปที่ New
3. คลิก Folder จะเห็นโฟลเดอร์ใหม่พร้อมชื่อโฟลเดอร์ที่ตั้งมาให้ (New Folder)
4. พิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ใหม่
5. กดปุ่ม Enter
การเปลี่ยนชื่อไฟล์
1. คลืกที่ชื่อไฟล์ หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการ 2. กดปุ่ม F2 (หรือคลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการ เลือกคำสั่ง Rename จากนั้นพิมพ์ชื่อใหม่ที่ต้องการ)
3. พิมพ์ชื่อไหล์ หรือโฟลเดอร์ใหม่
การลบไฟล์ / โฟลเดดอร์
1. คลิกที่ชื่อไฟล์/โฟลเดอร์ ที่ต้องการลบ 2. กดปุ่ม Delete
3. กดปุ่ม Yes เพื่อยื่นยันการลบไฟล์
การจัดเรียงไอคอน
1. คลิกเมาส์ขวาบนพื้นที่ว่างของเดสก์ทอป2. เลือนเมาส์ไปที่ Arrange Icons
3. คลิกเลือกวิธีการจัดเรียงไอคอน
by Name - เรียงตามชื่อ
by Type - ชนิดของไฟล์
by Size - ขนาดของไฟล์
by Date - วันที่จัดเก็บไฟล์
Auto Arrange - จัดเรียงแบบอัตโนมิติ
การตั้ง user password บทที่ 4
start -> Settings -> Control Panel -> User Accounts แล้วก็ตามรูปเลยค่ะ
คลิก Create a new account
ใส่ชื่อ User - > Next
เลือกสิทธิ์ในการใช้งาน -> Create Account
เสร็จขั้นตอนการสร้าง User
ต่อไปมาถึงขั้นตอนการ Set Password
คลิกที่ User ที่ต้องการ Set Password จะได้ดังรูปข้างล่าง
คลิก Create a password
ใส่ Password -> Create password
เสร็จสิ้นขั้นตอนการ Set password แล้วลอง Switch User ดูนะค่ะ ว่าจะขึ้นมาประมาณรูปนี้หรือเปล่า
คลิก Create a new account
ใส่ชื่อ User - > Next
เลือกสิทธิ์ในการใช้งาน -> Create Account
เสร็จขั้นตอนการสร้าง User
ต่อไปมาถึงขั้นตอนการ Set Password
คลิกที่ User ที่ต้องการ Set Password จะได้ดังรูปข้างล่าง
คลิก Create a password
ใส่ Password -> Create password
เสร็จสิ้นขั้นตอนการ Set password แล้วลอง Switch User ดูนะค่ะ ว่าจะขึ้นมาประมาณรูปนี้หรือเปล่า
วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
คำถาม
คำถาม
1.ทำการบูตเครื่องเสร็จก็จะมีข้อความขึ้นมาให้กด ?ก.Esc ข. OK
ค.Enter ง. L
2.แล้วมันก็จะเข้าสู่หน้า Welcome to setup กด Enter แล้วมันจะขึ้นโปรแกรมให้ก ?
ก.F8 ข.F4
ค.F10 ง.F5
3.เมือกด Enter เพื่อยันยืนการลบ พาดิชั่นไดว์ฟ C จะเป็นอย่างไร
ก.กู้คืนกลับมา ข.จะถูกล้างใหม่หมดเลย
ค.จะทำกาติดตั้ง ง.จะทำการRestart
4. กดปุ่มใดเพื่อเป็นการยืนยันการลบข้อมูล
ก.L ข. Esc
ค.OK ง.Ctrl
ก. การเลือกไดฟ์ที่จะลง Windows ข. การเลือกโปรแกรม
ค. การบูตเครื่อง ง. การเลือก Windows
6. เมื่อฟอแมทเสร็จแล้วทำอย่างไรไรต่อ
ก.กด Next ข.เริ่มก๊อปปี้ไฟลลงเครื่องเรา
ค.กดออก ง. Restart ใหม่ทั้งหมด
7.ขนาดไดว์ฟ C ที่เราต้องการมีหน่วยเป็นอะไร?
ก.GB ข.KB
ค.CD ง.MB
8.แล้วก็กรอกข้อมูลให้กรอกข้อมูลอะไร
ก.ชื่อคอมของคุณ ข.บ้านเลขที่
ค.เบอร์โทร ง.อายุ
9. เข้าสู้หน้าต่าง Windows จากนั้นรอไปเรื่อยๆ แล้วมันจะมีข้อความขึ้นมาก็ให้กดอะไร ?
ก.OK ข.Entrr
ค.Next ง.Esc
10.พอมันทำการติดตั้งเส็จมันจะทำอย่างไรต่อ
ก. ลงโปรแกรมต่อ ข. ค้าง
ค. Restart ง.หยุดทำงาน
วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
Windows XP
เริ่มจากการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ขณะที่เครื่องกำลังนับ RAM อยู่ ด้านล่างซ้ายมือจะมีคำว่า Press DEL to enter SETUP ให้กดปุ่ม DEL เพื่อเข้าสู่เมนูของ Bios Setup จากนั้นให้มองหาเมนู Bios Features Setup ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่สอง ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนแถบลงมาแล้วกด ENTER กดปุ่ม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลักของ Bios Setup มองหาเมนูของ SAVE TO CMOS AND EXIT หรืออะไรทำนองนี้เลื่อนแถบแสงไปเลยแล้วกด ENTER ถ้าหากเครื่องถามว่าจะ Save หรือไม่ก็ตอบ Y ได้เลย หลังจากนี้เครื่องจะทำการ Reboot ใหม่อีกครั้ง ใส่แผ่น Startup Disk ที่เราทำไว้ตามขั้นตอนแรกรอไว้ก่อนเลย มาดูขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น การติดตั้ง Windows XP เริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรก ทำการปรับเครื่อง เพื่อให้บูตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็บูตเครื่องจากแผ่นซีดี Windows XP Setup โดยเมื่อบูตเครื่องมา จะมีข้อความให้กดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อบูตจากซีดี Enter ไปทีนึงก่อน โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและเช็คข้อมูลอยู่พักนึง รอจนขึ้นหน้าจอถัดไป เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป ทำการเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่ หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไปทำการใส่ Product Key แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไร เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลย นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้เราทำการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ฃื่อก่อนเข้าใช้งาน ก็ใส่ชื่อของคุณเข้าไปได้เลย
เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่ หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไปทำการใส่ Product Key แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไร เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลย นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้เราทำการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ฃื่อก่อนเข้าใช้งาน ก็ใส่ชื่อของคุณเข้าไปได้เลย
วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
การปรับแต่งWindows
ในที่สุดการรอคอยก็ใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว สำหรับ Windows 7 ที่หมายว่าจะสร้างความนิยมให้กับผู้ใช้ได้ หลังจากที่เราผิดหวังจาก Windows Vista กันมาแล้ว ซึ่ง Windows 7 นั้น นอกจากมีความสวยงามน่าใช้ไม่แตกต่างไปจาก Vista แล้ว ยังใช้งานได้ดี ไม่แพ้กับ Windows XP เลย เรียกว่าหากได้ใช้ Windows 7 แล้ว คุณจะไม่อยากกลับไปใช้ Windows XP อีกเลย
ดูจากรูปเราจะเห็นว่า Windows 7 แม้จะพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows Vista แต่หน้าตาก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร แม้จะใช้งานได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องปรับตัวกันนิดหน่อยเพื่อให้สามารถใช้งาน Windows 7 ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนประกอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือส่วนของทาสก์บาร์ ที่ปรับปรุงให้เรียกใช้โปรแกรมได้ง่ายขึ้น มีการตัดทอนบางฟังก์ชั่นออกไป เช่น Quick Launch
ส่วนของซิสเท็มบาร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ไม่ให้แสดงผลเกะกะบนหน้าจอ รวมทั้งแถบของ Gadget ที่หายไป โดยเราสามารถเรียก Gadget ขึ้นมา และวางไว้ตรงไหนก็ได้ของหน้าจอ โดยไม่กินพื้นที่เหมือนกับ Gadget Bar ในWindows Vista อีก แน่นอนว่าเมื่อเวอร์ชันใหม่ออกมา ก็ต้องมีความสามารถใหม่ๆ ตามมาด้วย และนี่คือทิปที่จะช่วยให้คุณใช้งาน Windows? 7 ได้ง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมกับสามารถปรับแต่งหน้าตาอินเทอร์เฟสต่างๆ ได้ตามต้องการ
-?? ?Win + ลูกศรขึ้น และ Win+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอ และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
-?? ?Win + ลูกศรซ้าย และ Win + ลูกศรขวา เป็นการกำหนดตำแหน่งของการแสดงผลอยู่ทางครึ่งของหน้าจอทางซ้ายมือหรือว่าขวามือ
-?? ?Win + Shift +ลูกศรขึ้น และ Win+Shift+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอทางด้านแนวตั้ง และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
แต่หากว่าคุณต้องการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่น เพื่อออกไปทางโปรเจ็คเตอร์ คงไม่อยากให้การแสดงผลบนหน้าจอถูกขัดจังหวะด้วยสกรีนเซฟเวอร์ หรือว่าข้อความทาง IM ที่ส่งมาให้คุณ เราสามารถใช้ปุ่ม Win+X เพื่อกำหนดการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่นได้ เท่านี้เวลาข้อความทาง IM ส่งเข้ามาหรือว่าสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน ก็จะไม่มีผลต่อการแสดงผลบนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์อีก
เรียกใช้งานเมนูบาร์บน Explorer
ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษที่ไมโครซอฟท์เห็นว่ามันอาจจะเกะกะ ก็เลยซ่อนเมนูบาร์ใน Explorer เอาไว้ซะ ทำให้การปรับแต่งการทำงานต่างๆนั้นอาจจะไม่สะดวก แต่เราสามารถเรียกเมนูบาร์ออกมาได้ง่ายๆ โดยกดปุ่ม alt หนึ่งครั้งก็จะเป็นการแสดงผลเมนูบาร์ขึ้นมา และเมนูบาร์นี้จะถูกซ่อนเอาไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อเราไม่ได้ใช้งาน
ดูจากรูปเราจะเห็นว่า Windows 7 แม้จะพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows Vista แต่หน้าตาก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร แม้จะใช้งานได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องปรับตัวกันนิดหน่อยเพื่อให้สามารถใช้งาน Windows 7 ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนประกอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือส่วนของทาสก์บาร์ ที่ปรับปรุงให้เรียกใช้โปรแกรมได้ง่ายขึ้น มีการตัดทอนบางฟังก์ชั่นออกไป เช่น Quick Launch
ส่วนของซิสเท็มบาร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ไม่ให้แสดงผลเกะกะบนหน้าจอ รวมทั้งแถบของ Gadget ที่หายไป โดยเราสามารถเรียก Gadget ขึ้นมา และวางไว้ตรงไหนก็ได้ของหน้าจอ โดยไม่กินพื้นที่เหมือนกับ Gadget Bar ในWindows Vista อีก แน่นอนว่าเมื่อเวอร์ชันใหม่ออกมา ก็ต้องมีความสามารถใหม่ๆ ตามมาด้วย และนี่คือทิปที่จะช่วยให้คุณใช้งาน Windows? 7 ได้ง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมกับสามารถปรับแต่งหน้าตาอินเทอร์เฟสต่างๆ ได้ตามต้องการ
สร้างแผ่นสำหรับแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์
คงบอกว่าหากวันใดวันหนึ่ง Windows ของคุณเกิดปัญหาขึ้น จะทำให้คุณต้องยุ่งยากขนาดไหน ดังนั้นเราควรที่จะสร้างหนทางสำหรับที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น โดยการสร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน โดยหลังจากที่ติดตั้ง Windows เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ให้เราเตรียมแผ่นดิสก์เปล่าๆเอาไว้ก่อน จากนั้นคลิกที่ Start > Maintenance > Create a System Repair Disc และใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป และให้ Windows 7 สร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน ทีนี้ หาก Windows มีปัญหาในการทำงานเกิดขึ้น เราก็สามารถใช้แผ่นดิสก์นี้บู๊ต เพื่อแก้ไขปัญหาเขียนแผ่นซีดีและวิดีโอจาก ISO ไฟล์ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเบิร์น
คุณสมบัติอย่างหนึ่งของ Windows 7 ก็คือเราสามารถสร้างเบิร์นแผ่นดีวีดีหรือซีดีได้ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเขียนแผ่นดิสก์ลงไปก่อน ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้น หากว่ามีแผ่นโปรแกรมในรูปแบบของไฟล์ ISO อยู่ในเครื่องอยู่แล้ว ก็สามารถคลิกที่ไฟล์ ISO นั้นแล้วเลือกไดรว์ที่จะเขียน พร้อมกับใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป เท่านี้ Windows ก็จะพร้อมที่จะสร้างแผ่นดิสก์จาก ISO ไฟล์ได้เลยแก้ไขปัญหาใน Windows 7 ให้รวดเร็ว
เวลาเกิดปัญหากับการใช้งาน Windows คงไม่ต้องบอกว่ามันยุ่งยากขนาดไหน เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากอะไรและจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆนั้นอย่างไรได้บ้าง แต่สำหรับ Windows 7 แล้ว มีเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถค้นหาปัญหา และแก้ไขได้ด้วยตัวเองก่อนที่จะต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญต่อไป โดยเราสามารถเข้าถึงการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ได้จากการเลือกที่ Control Panel > Troubleshoot Problems ซึ่งจะมีวิซาร์ด ช่วยในการค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้น และวิธีการแก้ไข รวมทั้งยังเป็นการเช็คอัพระบบ และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับการทำงานของคุณได้ซ่อนไอคอนของ Windows Live Messenger
ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ต้องใช้ Windows Live Messenger เป็นประจำบน Windows 7 คุณจะพบว่าเมื่อเปิด Windows Live Messenger มันจะแสดงการทำงานค้างไว้บนทาสก์บาร์ให้เกะกะ ซึ่งหากคุณไม่ชอบใจ ก็สามารถซ่อนการทำงานของ Windows Live Messenger เอาไว้ได้ โดยก่อนอื่นต้องคลิกขวา เลือกที่ไอคอนของ Windows Live Messenger จากนั้นเลือกที่ Properties แล้ว กำหนดให้แอพพลิเคชั่น ทำงานในโหมดของ Windows Vista Compatibility จากนั้นก็เปิดการทำงานของ Windows Live ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้โปรแกรม Messenger จะถูกซ่อนการทำงานเอาไว้ ไม่โผล่มาให้เกะกะบนทาสก์บาร์อีกเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้กับเดสก์ท็อป
ใน Windows 7 เราจะพบว่าทาสก์บาร์นั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก ซึ่งอาจจะกินพื้นที่บางส่วนของเดสก์ท็อปไปอย่างมาก รวมทั้งไอคอนต่างๆ ทำให้พื้นที่สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ นั้น วางได้ไม่เยอะ ซึ่งเราสามารถที่จะปรับขนาดของไอคอนบนเดสก์ท็อปให้เล็กลงได้ โดยคลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Properties > Taskbar > Use small icons เพื่อที่จะให้ไอคอนบนทาสก์บาร์เล็กลง และเราก็จะได้พื้นที่ใช้งานบนเดสก์ท็อปนั้นเพิ่มขึ้นเพิ่ม Quick Launch ให้กับทาสก์บาร์
ด้วยการมี Launch ที่สามารถเรียกโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมาให้แล้ว ทำให้ Quick Launch เดิมที่มาพร้อมกับ Windows ก่อนหน้านี้ ถูกตัดออกไป แต่เราก็สามารถเปิดการทำงานของ Quick Launch ขึ้นมาได้ โดยให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Toolbars/ New Tools Bar ก็จะปรากฏหน้าต่าง Folder Selection dialog ขึ้นมา ให้พิมพ์ข้อความตามนี้ลงไป %userprofile%\AppData\Roaming\Microsoft\Internet Explorer\Quick Launch แล้วคลิกที่ OK ก็จะมีแถบของ Quick Launch ปรากฏขึ้นที่ทาสก์บาร์ แต่ตอนนี้ Quick Launch จะดูเหมือนว่าไม่ปรากฏออกมาเพราะมีแถบข้อความ และคำอธิบายเต็มไปหมด ให้คลิกขวาที่ Quick Launch แล้วเอาเช็คบ็อกซ์ตรง lock the taskbar ออก แล้วคลิกขวาอีกครั้งที่ Quick Launch และให้นำเช็คสบ็อกซ์ หน้าข้อความ show Text และ Show Titles ออกไป ที่นี้เราก็สามารถลากไอคอนชอร์ตคัทของโปรแกรมต่างๆ ที่ต้องการ นำมาวางไว้ตรง Quick Launch นี้ได้ และเมื่อเป็นที่พอใจแล้ว ก็ให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ พร้อมกับล็อคทาสก์บาร์เอาไว้ให้เรียบร้อยเปลี่ยนการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์
ปกติหน้าที่ของเพาเวอร์สวิทช์ ก็คือการเปิดเครื่อง แต่ขณะที่คอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ล่ะ จะให้มันทำหน้าที่เป็นอะไร ในWindows 7 เราสามารถกำหนดการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์ได้ โดยคลิกขวาที่ไอคอน Windows มุมล่างซ้าย แล้วเลือกที่ properties จากนั้น คลิกที่แท็บ Start Menu แล้วตรง power button action ก็กำหนดหน้าที่ที่ต้องการให้กับปุ่มเพาเวอร์ได้ ทั้งการชัตดาวน์ รีสตาร์ท หรือล็อคเครื่องก็ได้เช่นกันควบคุมการทำงานบน Windows ด้วยปุ่ม Windows คีย์
หากคุณต้องการปรับการแสดงผลขณะทำงานบน Windows 7 เพื่อให้สะดวกขึ้น เราสามารถใช้ปุ่ม windows คีย์ เพื่อเป็นคีย์ลัดในการจัดการการแสดงผลของหน้าต่างบน Windows ได้ ไม่ว่าจะเป็นการย่อขยาย จัดการแสดงผลให้เต็มหน้าจอ หรือย่อทั้งหมดลงมา หรือเรียกการทำงานของหน้าต่างที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น ซึ่งคีย์ลัดนี้ เราสามารถทำงานกับ Windows ได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยสามารถแบ่งการทำงานที่ต้องใช้ร่วมกับปุ่ม Windows คีย์ได้ดังนี้- ปรับขนาดของหน้าต่างให้ตรงกับความต้องการ
-?? ?Win + ลูกศรขึ้น และ Win+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอ และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
-?? ?Win + ลูกศรซ้าย และ Win + ลูกศรขวา เป็นการกำหนดตำแหน่งของการแสดงผลอยู่ทางครึ่งของหน้าจอทางซ้ายมือหรือว่าขวามือ
-?? ?Win + Shift +ลูกศรขึ้น และ Win+Shift+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอทางด้านแนวตั้ง และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
แสดงผลออกโปรเจ็คเตอร์
แต่หากว่าคุณต้องการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่น เพื่อออกไปทางโปรเจ็คเตอร์ คงไม่อยากให้การแสดงผลบนหน้าจอถูกขัดจังหวะด้วยสกรีนเซฟเวอร์ หรือว่าข้อความทาง IM ที่ส่งมาให้คุณ เราสามารถใช้ปุ่ม Win+X เพื่อกำหนดการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่นได้ เท่านี้เวลาข้อความทาง IM ส่งเข้ามาหรือว่าสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน ก็จะไม่มีผลต่อการแสดงผลบนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์อีก
ย่อหน้าต่างให้เลือกเฉพาะที่ใช้งานปัจจุบัน
ทำงานแบบหลายมอนิเตอร์พร้อมๆ กัน
เรียกใช้โปรแกรมบนทาสก์บาร์ด้วยคีย์ลัด
มองทะลุเดสก์ทอป
ท่องไปตามทาสก์บาร์
ขยายการมองเห็นให้กับ Windows
เรียกใช้งาน Gadget ได้อย่างรวดเร็ว
ทำงานง่ายขึ้นด้วย ALT คีย์
ใน Windows 7 สามารถใช้งานคีย์ลัด เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียกใช้งาน Windows ได้อย่างมาก และ ALT ก็คือคีย์อเนกประสงค์อีกคีย์หนึ่ง ที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ทำงานร่วมกับ Windows ได้สะดวกขึ้นเรียกใช้งานเมนูบาร์บน Explorer
ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษที่ไมโครซอฟท์เห็นว่ามันอาจจะเกะกะ ก็เลยซ่อนเมนูบาร์ใน Explorer เอาไว้ซะ ทำให้การปรับแต่งการทำงานต่างๆนั้นอาจจะไม่สะดวก แต่เราสามารถเรียกเมนูบาร์ออกมาได้ง่ายๆ โดยกดปุ่ม alt หนึ่งครั้งก็จะเป็นการแสดงผลเมนูบาร์ขึ้นมา และเมนูบาร์นี้จะถูกซ่อนเอาไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อเราไม่ได้ใช้งาน
เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน Explorer
ใน Explorer ตัวล่าสุดของ Windows 7 เราสามารถใช้คีย์ลัด ALT ร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ใช้งาน Explorer ได้ง่ายขึ้น เช่น- ALT+UP เป็นการกระโดดไปยังโฟลเดอร์แรกสุดคือ Desktop โดยอัตโนมัติ หรือย้อนกลับไปโฟลเดอร์รูท หากว่าเราทำงานอยู่ในโฟลเดอร์ย่อยๆ ของโฟลเดอร์รูทนั้น
- ALT + Right คือการไล่สเต็ปไปยังโฟลเดอร์ ที่เปิดขึ้นมาล่าสุด
- ALT + LEFT คือการย้อนกลับไปทำงานยังโฟลเดอร์ก่อนหน้าโฟลเดอร์ปัจจุบัน
- ALT +D เป็นการทำงานกับแอดเดรสบาร์ของพาธ การทำงานปัจจุบัน
- F4 เป็นการเรียกใช้งาน drop down menu ของแอดเดรสบาร์
- ALT+ENTER เป็นการเรียก Properties ของไฟล์ที่เคอร์เซอร์กำลังถูกเลือกอยู่ในขณะนั้น
- CTRL+mousewheel เป็นการเปลี่ยนขนาดของไอคอนใน explorer
- F11 เป็นการเปลี่ยนโหมดของ explorerให้ทำงานในโหมด Full Screen
เรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นในโหมดของ Windows Compatibility เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมเก่าได้
ปัญหาใหญ่ๆของการใช้งาน Windows 7 ก็คือการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นเดิมๆ ที่เคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือว่า Vista ซึ่งหากเราเรียกใช้งานตรงๆ อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ Windows 7 จึงมีโหมดการทำงาน Windows Compatibility เพื่อให้นำแอพพลิเคชั่นเดิมๆที่สามารถเคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือ Vista ให้ใช้งานได้บน Windows 7 โดยการคลิกขวาที่ไอคอนของแอพพลิเคชั่นนั้นๆ จากนั้นเลือกที่ Properties แล้วไปยังแท็บ compatibility mode และเลือก Run this program in compatibility mode for ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าให้แอพพลิเคชั่นตัวนั้น ทำงานในโหมดของ Windows เวอร์ชั่นไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น Windows XP หรือว่า Windows 95 ก็ยังไหว โดยในโหมด compatibility แนะนำว่าควรที่จะเลือก disable visual themes และ desktop composition เอาไว้ด้วย และหากว่าแอพพลิเคชั่นนั้นเป็นวิดีโอเกม ก็ควรที่จะเลือก Run this program as an administrator เอาไว้ด้วย เพื่อที่ Windows 7 จะไม่ตั้งคำถามสำหรับคุณอีกใช้งาน Sticky Notes เพื่อเตือนความจำ
แอพพลิเคชั่นหลายๆ ตัวได้ถูกเติมเต็มเข้ามาใน Windows 7 นี้ เพื่อให้การทำงานของผู้ใช้นั้นง่ายขึ้น โดยไม่ต้องไปหาโปรแกรมอื่นๆมาติดตั้งให้ยุ่งยากอีก เช่น Sticky Notes หรือ กระดาษเตือนความจำ ซึ่งให้เราสามารถโน้ตข้อความต่างๆ วางไว้บนเดสก์ท็อปได้สะดวก โดยเราสามารถเรียกใช้งาน Sticky Notes จากการพิมพ์ notes ที่ช่อง Search ก็จะเป็นการหาแอพพลิเคชั่น Sticky Note ให้เราเองโดยอัตโนมัติ และเราสามารถเปลี่ยนสีของกระดาษโน้ตได้ โดยการคลิกขวาที่ Sticky Note แล้วเลือกสีกระดาษโน้ตตามต้องการ? และหากต้องการเพิ่มกระดาษโน้ตก็สามารถคลิกที่เครื่องหมาย + บนกระดาษโน้ต และเมื่อต้องการปิดการใช้งาน Sticky Note ก็ให้กด Alt+F4 ก็จะเป็นการปิดการทำงานลง แต่จะเก็บข้อความทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งเมื่อเปิดการทำงานขึ้นมาอีก ข้อความเดิมที่มีอยู่ก็จะปรากฏขึ้นมาเหมือนเดิมอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์ต่อพ่วง
อุปกรณ์รับเข้า (INPUT DEVICE)รู้จักและนิยมใช้ได้แก่
( IMPACT PRINTER ) คือ เวลาพิมพ์หัวพิมพ์จะกระทบกับผ้าหมึก
ประโยชน์ของโมเด็มเพื่อใช้ในการสื่อสารระยะไกลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ต้องอาศัยเครือข่ายโทรศัพท์ในการสื่อสารด้วย อัตราความเร็วในการส่งข้อมูลของโมเด็มมีหน่วยเป็นบิตต่อวินาที โมเด็มสามารถรับและส่งได้ทั้งข้อมูลที่เป็นข้อความ ภาพและเสียง ลักษณะของโมเด็มมี 2 แบบคือ
แบบ INTERNAL คือ เป็นแผงวงจรเสียบเข้าภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
แบบ EXTERNAL คือ เป็นอุปกรณ์ที่นำมาต่อภายนอกกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แบบนี้จะมีราคาสูงกว่าแบบ INTERNAL
ขั้นตอนการ Add Printer
1.1 การ ติดตั้ง Printer
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการติดตั้งเครื่อง Printer เสียก่อน บางท่านการติดตั้งเครื่อง Printer นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ผู้คนบางกลุ่ม อาจจะไม่เคยติดตั้ง Printer เลย ดังนั้นผมจึงขอเสนอ ตั้งแต่เริ่มต้นทำการการติดตั้ง Printer
วิธีการติดตั้ง Printer
1.1.1 ให้คุณไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes
1.1.2 เลือก Add Printer
1.1.3 คลิ๊ก Next
1.1.4 เลือกไปที่ Local printer attached this computer และเอาเครื่องหมายถูก ที่ Automatic detect and install my Plug and Play Printer ออก จากนั้น คลิก Next
1.1.5 ในช่อง Use the following port เราสามารถเปลี่ยนเป็น port ที่เราต้องการได้ ในที่นี้ผมไม่เปลี่ยนนะครับ เลยจะได้เป็น LPT1 เหมือนในรูป จากนั้นคลิ๊ก Next นะครับ
1.1.6 ขั้นต่อมาจะเป็นการติดตั้ง Driver ให้กับเครื่อง Printer นะครับ ให้เราเลือกไปที่ Have Disk เพื่อทำการเลือก Driver ให้กับ Printer
1.1.7 เลือก ที่ Browse เพื่อหา Driver ให้กับเครื่อง Printer ซึ่งขึ้นอยู่กับของแต่ละคนว่าอยู่ที่ไหน แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ Dive CD Rom ดังนั้น ให้ทำการ Browse ไปที่ Drive Cd Rom นะครับ
1.1.8 เมื่อเจอ Driver แล้ว ทำการ คลิก Next ได้เลยนะครับ
1.1.9 ตรง Printer Name เราสามารถเปลี่ยนชื่อได้ตามที่ต้องการนะครับ เมื่อได้ชื่อที่ต้องการ ให้ คลิก Next
1.2 การ Share Printer
1.2.1 หลังจากที่เราทำมาจนถึง ข้อ 1.1.9 ก็จะมาถึงหน้าที่ เราจะต้องทำการ Share Printer แล้วละครับ
ให้เราตั้งชื่อ เครื่อง Printer ที่เราต้องการ จะ Share ในช่อง Share Name จากนั้นคลิก Next
1.2.2 ตรง Location และ Comment นั้น คุณ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ผมแนะนำให้ใส่ เกิดคุณมีเครื่อง Printer หลายตัว การตั้งชื่อและการ บอก Location จะทำให้คุณจดจำมันได้ง่าย
1.2.3 ในหน้าถัดมา มันจะเป็น หน้าทดสอบ การ Print เช่น กันจะทดสอบหรือไม่ก็ได้
ถ้าต้องการ ทดสอบ ให้ คลิกที่ Yes
ถ้าไม่ต้องการทดสอบให้คลิกที่ No
แต่แนะนำให้คลิกที่ Yes เพื่อทำหารทดสอบ เราจะได้รู้ว่า เครื่อง printer สามารถทำงานได้จริงหรือไม่ จากนั้นคลิก Next
1.2.4 เสร็จแล้วละครับ ให้เรา คลิ๊กที่ Finish ได้เลย
1.2.5 ให้เราเข้าไปดูใน Printer and Faxes อีกครั้ง โดยไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes จะเห็นว่าเครื่อง Printer ที่เราเพิ่งได้ทำการติดตั้งไป มีลักษณะของการ Share แล้ว (เป็นรูปมือ)
จบในส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนของ Server เครื่อง Printer แล้วครับ
ส่วนที่ 2 เครื่องลูกหรือเครื่อง Client
2.1 การ Add Printer
ทำได้ง่ายมากคับ ให้คุณไปที่ Start >>>>Run>>>>
2.2
พิมพ์ข้อความ ดังนี้ \\ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรือip ของเครื่องที่เปิด Share print(เครื่อง Server ) เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ
สมมุติว่าผมตั้งชื่อเครื่อง computer ที่เปิด Share Printer ชื่อว่า server01 มี Ip 192.168.0.1
ผมก็จะพิมพ์ข้อความลงไปดังนี้
\\server01
หรือ
\\192.168.0.1
2.3 จากนั้นเราจะเข้าสู่หน้าต่างของเครื่อง Server01 นะครับ
เราจะมองเห็นเครื่อง Printer ที่เครื่อง Server01 ทำการเปิด Share ไว้นะครับ (ที่เราติดตั้งไปในส่วนที่ 1)
2.4 ให้ไปคลิ๊กขวาที่เครื่อง Printer นะครับ จากนั้นเลือก Connect นะครับ และรอซักครู่นะครับ
2.5 ให้เราตรวจสอบอีกครั้งว่าเรา connect printer สำเร็จหรือไม่นะครับ
ไปที่ Start >>> Setting >>>Printer and Faxes เพื่อดูเครื่อง Printer ที่เรา Connect เข้ามา
2.6 ถ้าเห็นว่ามีชื่อเครื่อง Print ที่เราได้ Connect มาเมื่อกี้ก็แสดงว่าเราทำสำเร็จ !!!!
+++ดีใจด้วยนะครับ+++
2.7 ให้เราลอง Print เอกสารนะครับ
เปิดโปรแกรม Word หรือ อะไรก็ได้ที่ มันสามารถสั่ง Print ได้ ลองสั่ง print นะครับ ในกรณีที่คุณใช้โปรแกรม word ให้คุณไปที่ File>> Print >>> เราจะเห็นช่องแรกนะครับ คือช่อง Name ให้เราเลือกเป็นชื่อเครื่อง Printer ที่เราจะทำการสั่ง Print แล้วคลิ๊ก OK ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)